วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558

ข้าวของเครื่องใช้ควรเก็บรักษาให้ดีเพราะมันทำให้สะดวกต่อการใช้งาน

ชาติ และจะใช้เป็นสารวัตรทหารในเวลาฉุกเฉิน เป็นกำลังอีกแรงหนึ่งด้วยการติดต่อกับสหปรรซาชาติส้มพันธมิตรในการดำเนินการติดต่อกับสหประชาชาติลัมพันธมิตรนั้นทางฝ่าย รัฐบาลและตัวผมทำไปด้วยความลำบากมาก เพราะญี่ปุนคอยจ้องมองเรา ทุกผีเก้าว ผมจึงได้คิดว่าจะได้ติดต่อตกลงเป็นขั้นๆ ไป แต่ต้องเริ่มทำงาน จริงๆ จังๆ เมื่อได้วางแนวทหารจวนจะเสร็จ และเมื่อฐานทัพที่เพชรบูรณ์ เสร็จใช้งานได้บ้างแล้วด้วย อุปกรณ์ติดตามนำเข้า  ขั้นแรกคิดไว้แต่ตอนต้นสงครามแล้วว่าเมื่อ ญี่ปุนไล่กองทัพไทยขึ้นไปทางแคว้นยูนาน เช่นเดียวกับทหารฝรั่งเศสใน อินโดจีน ผมได้ติดต่อไปเราจะต้องขับไล่ญี่ปุนจากฐานทัพซึ่งอยู่ทางเหนือ ภายใต้ความคุ้มครองของกองทัพพายัพ ผมพอใจที่จะถูกขับไล่ไปอยู่ทาง เหนือ เพราะจะได้มีโอกาสติดต่อกับนอกประเทศได้สะดวก เมื่อถึงเวลา อันควร เมื่อทางผู้บังคับบัญชาทหารในกองทัพพายัพแจ้งมาว่าสามารถ ติดต่อกับกองทัพจีนได้แล้วผมจึงได้อนุมิติ และสั่งไปให้เจรจากันในแคว้น ยูนาน มี พล.ต.หาญสงคราม พ.อ.หลวงเดชประติยุทธ และ พ.อ.เนตร เข มะโยธิน เป็นหัวหน้าแรงเฉพาะ พ.อ.เนตร เขมะโยธิน เป็นหัวแรงในการ ทำงานนี้ภายในผลแห่งการประชุม เราได้ปรับความเข้าใจต่อกัน และแลกข่าวซึ่งกัน และกันเป็นประจำ รายงานนี้ผมได้สั่งให้อธิบดีกรมตำรวจเก็บไว้ทั้งสิ้น ข่าวนเครื่องยนต์ ใน ที่ผมจัดส่งไปให้กองทัพจีน มีแจ้งตำบลแจ้งกำลังทหารญี่ป้นในประเทศไทย และใกล้เคียง ได้ส่งรายงานเหตุการณ์ที่ได้รับจากนักเรียนและข้าราชการ ที่กลับจากญี่ปุนไปให้เสมอ โดยใส,ซองให้ พล.ท.วิชิต สงคราม ส่งไป ให้หัวหน้าติดต่อกับแม่ทัพจีน ระหว่างที่ได้ทำการติดต่อนี้ เราให้ข้าวสาร ยาควินินและอาหารกระป้อง ซึ่งบางครั้งผมได้สั่งให้ส่งไปเองจากกรุงเทพฯการประชุมตอนหลังๆ นี้ เราได้แถลงว่าฝ่ายไทยจะส่งข้าราชการ ชั้นรัฐมนตรีไปประชุมกับผู้แทนอังกฤษ-อเมริกา และจีนที่จุงกิง ผมได้พูด กับ พล.ต.อ.อดุลย์เดชจรัส และท่านผู้นี้เป็นผู้อาสาเป็นผู้แทนไปประชุม ให้ เราได้ตกลงกันแล้ว แต่บังเอิญต้องออกจากตำแหน่งเสียก่อน การส่ง พล.ต.อ.อดุลย์เดชจรัส ไปประชุมกันอังกฤษ-อเมริกา และจีนที่จุงกิงจึง ต้องเลิกล้มไปในที่สุด  เครื่องดักฟัง คิดแผนไว้ว่าเมื่อทหารเข้าประจำที่ตามคำสั่งเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้ติดต่อขอความช่วยเหลือต่อรัฐบาลสหประชาชาติลัมพันธมิตร ต่อ ไปตามระเบียบด้วยเหมือนกัน ต่อจากการส่งรัฐมนตรีไปประชุมที่จุงกิงนั้นทาร เตรียมรบญี่ป่นโนขั้นสุ ดท้ายเมื่อผมเห็นเป็นโอกาสอันเหมาะที่จะสร้างฐานทัพ สำหรับเตรียม รับรบกับญี่ปุนในชั้นสุดท้ายได้แล้ว เพราะเห็นได้ว่าณี่ปุนอ่อนกำลังลงไปมาก ถึงเราจะแข็งมือเอาบ้างญี่ปุนก็คงไม่กล้าหักหาญต่อประเทศไทยได้ นอกจากนันกองทัพภาคพายัพได้ดำเนินการเจรจากับแม่ทัพจีนที่ประจัน หน้ากันอยู่ จนมีความเข้าใจและสนิทสนมกันดีพอแล้ว รู้ทางปฏิบ้ติว่า ประเทศไทยจะเตรียมรบกับญี่ปุนอย่างไรเพื่อให้ได้ผลดี ผลจึงลงมือสร้าง ฐานทัพขึ้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์และสร้างทางให้สามารถติดต่อระหว่าง กรุงเทพฯ-ลำปาง ตลอดไปจนถึงติดต่อกับกองทัพจีนในยูนานได้เพื่อว่าเมื่อ ลงมือรบกับญี่ปุน เราจะได้กลับหน้ากองทัพทางเหนือเข้าล้กับณี่ปุนทางใต้ ได้สะดวก โดยยึดเล้นทางหลักกรุงเทพฯ-ลำปาง ผ่านเพชรบูรณ์เป็นเส้นทาง เคลื่อนที่ได้ ตกลงวางแผนเตรียมการ โดยให้กองพลที่ ๑ ซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ ยกออกมาตั้งอยู่ตอนของกรุงเทพฯ ล้อมกรุงเทพฯ ไว้และให้กองพลที่ ๑ นี้ เป็นกองหน้า กองทัพที่ ๒ เตรียมวางแนวไปตามแนวแม่นํ้าปาลัก ตั้งแต่ แก่งคอย-สระบุรีถึงท่าเรือมีกองหนุนตั้งเรียงรางขึ้นไปนับตั้งแต่ลพบุรีขึ้น ไปถึงชัยบาดาลและเพชรบูรณ์ เหนือขึ้นไปจากนั้นเรามีกองทัพพายัพ ทำ หน้าที่ปลดอาวุธญี่ปุนที่ลำปาง และเชียงใหม่ ดักฟังมือถือ  และให้กองทัพพายัพเป็น กองหนุนกองทัพที่ ๒ เพราะเกรงว่าญี่ปุนจะส่งกำลังขึ้นมาช่วยจาก อินโดจีน และมลายู เหนือขึ้นไปหลังจากกองทัพพายัพ เราได้ตกลงเปิดให้ กองทัพสหประชาชาติลงมาช่วย ส่วนกำลังทางอากาศของเรามีน้อย และ เครื่องบินที่มีอยู่ก็ไม1ดีพอ ผมจึงได้แจ้งขอกำลังจากแม่ทัพจีนขึ้นไป ซึ่ง แม่ทัพจีนก็ได้ตกลงแล้วที่จะช่วยให้เป็นผลสำเร็จ เมื่อแผนการยุทธกับญี่ปุน เป็นดังนี้ทางสายจากชัยบาดาลไปเพชรบูรณ์และจากหล่มลักไปอำเภองาว ที่จังหวัดลำปาก กับการสร้างฐานทัพที่เพชรบูรณ์จึงเป็นงานสำคัญยิ่ง และ เป็นงานขั้นสำคัญของชาติด้วย ถ้าทางสายนี้และฐานทัพที่เพชรบูรณ์เสร็จ

เครื่องติดตามตัวบุคคล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น