วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558

เวลาเปิดทำการขององค์กรนักสืบและทีมงานสืบสวน

“เดี๋ยว! ที่จะไปโรงพยาบาล่รึเปล่า” ผมครุ่นคิดอยู่ครู่,หนึ่งบอกว่า “ไปซิ! แต่ขอพี่เคลียร์งานให้เสร็จก่อน ลุงจรกับป้าแจ่มสองคนนั้นคงจะทำอะไรไม่ได้ มากนักหรอก อาจจะกำลังสับสนเพราะเหตุการณ์มันเกิดขึ้นกะทันหันเหลือเกิน เราต้องไปช่วยแกหน่อย แกไม่ค่อยมีใคร”“ถ้าอย่างนั้น! พี่เรียกผมด้วยนะ ผมจะไปเป็นเพื่อน งานของผมเคลียร์ เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่จัดเก็บลงในแป้ม”  จีพีเอสติดตามระยะไกล ผมพยักหน้า “ก้างนไปนั่งรอในห้อง ทำงาน เดี๋ยวพี่เสร็จแล้วพี่จะเรียกครับพี่” เดชารับคำลันๆครู่ใหญ่ ผมกับเดซาก็มาปรากฏตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จริงดังคาดคะเน ลุงจรและป้าแจ่มกำลังยืนร้องไหครั้าครวญอยู่หน้าห้องเก็บศพ ป้าแจ่มอยู่ในวง แขนของลุงจรที่ประคองกอดปลอบประโลม เมื่อเจอหน้าผมกับเดซาก็เรียกชื่อ ผมกับเดชาเบาๆ “ผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ...ที่พี่แม้นเขาจากไปเร็ว อย่างนี้...”“จ๊ะ” ป้าแจ่มรับคำน้ำเสียงลันเครือเต็มไปด้วยความโศกเศร้า “เพิ่งจะเจอหน้ากันเมื่อเช้านี่เองบอกว่าจะออกมาซื้อของให้ป้าก่อนสายๆ จะต้องรีบไปประชุมที่ อบต ป้าไม่ควรให้เขาออกมาคนเดียวเลย ถ้าป้าออกมา ด้วยคงจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น”“ป้าอย่าโทษตัวเองเลยครับ มันไม่ใช่ความผิดของป้าหรอก พี่แม้นแกไป สบายแล้วละครับ” ผมปลอบประโลมป้าแจ่มเบาๆ “แล้วป้าจะเอาศพไปไว้ที่ไหน หละครับนี่” ลุงจรหันมาบอกผมเบาๆ สายตายังไม่คลายจากอาการโศกเศร้า “คงจะต้องเอาไว้ที่บ้านชัก3วัน หรือ 7วันกิยังไม่แน่ใจ เพราะที่วัดศาลา ไม่ว่าง”“ถ้าตกลงตามนี้ เรองโลงศพและอุปกรณ์ตกแต่งบริเวณงานศพ ผม จัดการให้เองนะครับ ผมพอจะมีพรรคพวกอยู่บ้าง”“ขอบใจมากหลานเอ้ย ยังไงๆ คืนนี้กิไปงานศพ ดักฟังในรถยนต์ ไอ้แม้นมันด้วยนะ ทั้ง ลองคน” ป้าแจ่มบอกผมกับเดชาเสียงสันเครือ“ครับป้า งั้นผมกับเดชาไปติดต่อเรื่องโลงศพก่อนนะครับ”และแล้วคืนนั้นงานศพของแม้นกิถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย มีดอกไม้สด ประตับประดาโลงศพอย่างเรียบๆ มีไฟกระพริบดวงเล็กๆ แต่จำนวนมากดวง สลับกันส่องแสงเป็นจังหวะ บริเวณผนังบ้านมีผ้าม่านขวางกั้นเอาไว้เป็นฉาก มีพวงหรีด 3-4 พวงแขวนอยู่ข้างๆ พระภิกษุ 4 รูปกำลังนั่งสวดพระอภิธรรม สำเนียงเสียงอักขระภาษาบาลีทอดยาวประสานกันอย่างเป็นจังหวะดูสงบเยือก เย็น แต่เมื่อเหลียวมองไปรอบๆ บริเวณบ้านที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย จำนวนมากจนดูมืดครีมไปทั่วบริเวณ และเมื่อความมีดมีดมาผสมผสานกับ แสงสว่างที่มีอยู่เพียงน้อยนิดของแสงนีออนจำนวน 2-3 ดวง ทำให้มองดูสลัวๆ เห็นกิ่งไม้น้อยใหญ่เคลื่อนไหวไปมาเป็นเงาตะคุ่มๆ คล้านๆๆ กับคนหลายคน เครื่องยนต์1jzกำลังหยอกล้อกัน ผมละสายตาจากที่กำลังมองพระสวดหันมาสบตากับเดชา กิเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เดชาหันมามองผมเช่นกัน ผมเห็นเดชากลืนนั้าลาย ลงคอเอือกใหญ่ ผมได้แต่ส่งสายตาปลอบขวัญ แล้วทันทีที่พระสวดจบ จะเป็น อุปาทาน หรืออย่างไรไม่ทราบ ผมรู้ลีกว่ามีลมกรรโชก'รูบเข้ามาพัดพาเอากลิ่น เหม็นสาบอย่างรุนแรงจนไม่สามารถทนได้ต้องรีบใข้มีออุดจะ)กเอาไว้อย่างรวดเร็ว ผมเหลียวมองรอบตัว ขนลุกเกรียว บอกไม่ถูกกว่าความรู้สิกนี้เภิดจากอะไร อุปกรณ์ดักฟังราคาถูก  จน กระทั้งแขกเหรื่อทยอยกันกลับผมจึงขอตัวกลับเช่นกันป้าแจ่มจับมือผมบอกว่า“พรุ่งนี้อย่าลืมมางานศพอีกนะ พ่อหนุ่ม” ผมยิ้มให้ปลอบใจ “ครับป้า! ผมจะพยายามมาทุกๆ คืน ถ้าไม่ติดธุระ ผมลาละครับ” แล้วผมกับเดชาก็ ขอตัวกลับที่พักและคืนต่อมาผมกับเดชาก็ไปงานศพของพี่แม้นเช่นเดิมโดยไม่มีอะไร เกิดขึ้น จนกระทั่งล่วงเข้ายู่คืนที่ 3 เย็นวันนี้เดชารอผมอยู่ที่หน้าสำนักงานเมื่อ เจอหน้าผมก็บอกว่า



เครื่องติดตามรถยนต์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น